วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Mala Inse Mala Prohibita



Mala In se - Mala Prohibita

Mala Inse (มาลา อินเซ)
 Mala Inse หมายถึง การกระทำใดก็ตามที่เป็นความผิดโดยตัวของมันเอง ซึ่งไม่ว่าการกระทำนั้น จะเกิดขึ้นเมื่อใด เวลาใด สถานที่แห่งใด ก็จะเป็นความผิดเสมอ เช่น การฆ่าคน  การลักทรัพย์  การทำร้ายร่างกายผู้อื่น
จะเห็นว่า ไม่ว่าจะฆ่าคนในสมัยใด ฆ่าคนเมื่อ 500 ปีที่แล้ว , 100 ปีที่แล้ว , 50 ปีที่แล้ว หรือฆ่าคน ณ เวลานี้ ก็จะเป็นความผิดเหมือนกัน. หรือเรื่องการทำร้ายร่างกายผู้อื่น ไม่ว่าจะทำร้ายผู้อื่นที่ประเทศไทย , ที่ประเทศญี่ปุ่น , ที่ประเทศอังกฤษ ก็เป็นความผิดเหมือนกัน
กล่าวโดยสรุปก็คือ การกระทำที่เป็นความผิดประเภท Mala Inse นั้น มักจะเกี่ยวข้องกับศีลธรรม หรือสามัญสำนึกของมนุษย์ ที่นำความดีชั่ว มาตัดสินว่าการกระทำนั้นๆ ว่าเป็นความผิด

Mala Prohibita (มาลา โปรฮิบิต้า)
Mala Prohibita หมายถึง การกระทำใดก็ตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นความผิด หรือความผิดที่กฎหมายกำหนดขึ้นนั่นเอง ซึ่งการกระทำที่เป็นความผิด ประเภท Mala Prohibita นี้ อาจจะเป็นความผิด ณ ประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่อาจจะไม่เป็นความผิด หากได้กระทำในอีกประเทศหนึ่ง หรือ อาจเป็นความผิดในสมัยใดสมัยหนึ่ง แต่เมื่อล่วงสมัยนั้นไปแล้ว การกระทำนั้นอาจไม่เป็นความผิดอีก
เช่น การที่บางประเทศกำหนดว่า การเคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ การเคี้ยวหมากฝรั่งในประเทศไทย กลับไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย , การที่บางประเทศ กำหนดให้ขับรถชิดขวา แต่บางประเทศกลับกำหนดให้ขับรถชิดซ้าย
การกระทำที่เป็นความผิดประเภท Mala Prohibita นั้น มักไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับศีลธรรม แต่เป็นเรื่องข้อกำหนดของกฎหมายโดยแท้ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร , ลิขสิทธิ์ , พ.ร.บ.จราจรทางบก , พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ เป็นต้น
วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ขึ้นศาล - การปฏิบัติตนเมื่อต้องขึ้นศาล


ขึ้นศาล
(การปฏิบัติตนเมื่อต้องขึ้นศาล)

 


การเตรียมตัวขึ้นศาลในฐานะโจทก์
 1. ต้องรู้ว่าจะไปฟ้องคดีแพ่งหรือคดีอาญา  
 2. ตรวจดูคำฟ้องให้ถูกต้องเสียแต่เนิ่นๆ ดูในเรื่องความถูกต้องของแบบฟอร์ม ถ้อยคำ พร้อมทั้งลงชื่อในคำฟ้องและใบแต่งทนายให้เรียบร้อย
 3. เตรียมเงินค่าธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลในกรณีที่ไปฟ้องคดีแพ่ง
 4. เตรียมเงินค่านำส่งหมายนัดหรือหมายเรียก
 5. เตรียมสำเนาทะเบียนบ้าน
 6. เตรียมบัตรประจำตัวประชาชน
 7. แต่งกายเรียบร้อยเมื่อไปศาล

การเตรียมตัวขึ้นศาลในฐานะจำเลย
1. การทำคำให้การไปให้พร้อม หากยังมิได้ยื่นคำให้การ 
2. นำสำเนาหมายนัดหรือหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปด้วย
 3. เตรียมสำเนาทะเบียนบ้าน 
 4. เตรียมบัตรประจำตัวประชาชน 
5. การไปศาลเพื่อยื่นคำให้การในฐานะจำเลยในคดีอาญา ต้องเตรียมหลักทรัพย์ประกันไปด้วย 
6. แต่งกายเรียบร้อยเมื่อไปศาล

การเตรียมตัวขึ้นศาลในฐานะพยาน 
1. นำหมายเรียกพยานไปศาลด้วย 
2. จำหมายเลขดคีและจำเวลานัดให้ได้ 
3. เตรียมบัตรประจำตัวประชาชนไปด้วย 
4. ทบทวนเหตุการณ์ที่ได้รู้ได้เห็นเกี่ยวกับคดีให้ดี 
5. จัดลำดับเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับคดีให้ได้ แต่งกายเรียบร้อยเมื่อไปศาล 
6. แต่งกายเรียบร้อยเมื่อไปศาล

 การเตรียมตัวไปศาลเพื่อยื่นประกันผู้ต้องหาหรือจำเลย
1. เตรียมหลักทรัพย์ ที่จะใช้เป็นหลักประกัน 
2. เตรียมสำเนาทะเบียนบ้าน 
3. เตรียมบัตรประจำตัวประชาชน 
4. ใบรับรองราคาประเมินที่ดิน (กรณีใช้หลักประกันเป็นเอกสารสิทธิ์เกี่ยวกับที่ดิน) 
5. ใบแสดงความยินยอมของคู่สมรส (ถ้ามี) 
6. ใบรับรองเงินเดือน (กรณีใช้ตำแหน่งหน้าที่เป็นหลักประกัน) 



"สำนักกฎหมายนิติอรรถคดี" 
วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หมายศาล

หมายศาล



หมายศาล - เมื่อได้รับหมายศาล หลายๆ คนมักจะคิดไว้ก่อนว่า ตนเองถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดี แต่ความจริงแล้ว หมายศาลมีหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งหลักๆ โดยทั่วไปจะมีดังนี้ กล่าวคือ
1. หมายเรียก คือ หมายศาลที่ส่งไปพร้อมกับสำเนาคำฟ้อง เพื่อให้ผู้ได้รับหมาย มาแก้ต่างคดี.
 2. หมายนัด คือ หมายศาลที่ให้ผู้ได้รับหมาย ไปศาลตามวันเวลาที่กำหนด เช่น หมายนัดไต่สวน.
 3. คำสั่งเรียกเอกสาร คือ หมายศาลที่แจ้งคำสั่งเรียกเอกสารในความครอบครองของผู้รับหมาย ไม่ว่าจะอยู่ในความครอบครองของอีกฝ่ายหนึ่ง หรือ ของบุคคลภายนอก หรือของราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อคู่ความฝ่ายที่ต้องการใช้เอกสารนั้น จะขอให้ศาลสั่งให้ผู้ครอบครองส่งเอกสารนั้นให้แก่ศาล โดยอาจส่งด้วยตนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ก็ได้ 
4. หมายเรียกพยานบุคคล คือ บุคคลที่จะไปเป็นพยานศาล พยานบุคคลนั้นมีอยู่ 2 ประเภท คือ พยานนำ และ พยานหมาย
4.1 พยานนำ คือ พยานที่คู่ความติดต่อให้ไปเบิกความโดยที่พยานนำ จะยินดีไปศาลด้วยความสมัครใจ 
4.2 พยานหมาย คือ พยานที่คู่ความไม่สามารถติดต่อ หรือ นำไปเบิกความเองได้ จึงต้องให้ศาลออกหมายเรียกพยานดังกล่าวให้มาเบิกความ 

เมื่อได้รับหมายศาลควรปฎิบัติอย่างไร?
 1. ตรวจสอบดูว่า เป็นหมายของศาลไหน ตั้งอยู่ที่ไหน หมายแจ้งให้เราไปทำอะไร ในวันเวลาใด หากไม่เข้าใจ หรือมข้อสงสัย สามารถโทรศัพท์สอบถามไปยังศาลที่ส่งหมายมา ซึ่งที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ จะอยู่ทางด้านล่างของหมาย
2. ไปศาลให้ตรงกับวันและเวลาที่ศาลนัด หากว่าไม่สามารถจะไปศาลตามวันเวลาที่ศาลกำหนดในหมายได้ ต้องแจ้งให้ศาลทราบก่อนวันนัด โดยสามารถโทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่อยู่ด้านล่างของหมาย การขัดขืนไม่ไปศาลตามวันนัด อาจถูกศาลออกหมายจับ เพื่อเอาตัวกักขังไว้จนกว่าจะเบิกความ และพฤติกรรมดังกล่าวยังถือว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตา 170 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. เมื่อไปถึงศาลแล้ว หาห้องพิจารณาคดี และรอการเบิกความ โดยสามารถตรวจดูจากบอร์ดวันนัดพิจารณาคดี หรือ สอบถามจากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ แล้วไปนั่งรอที่หน้าห้องพิจารณาคดี โดยแจ้งให้คู่ความที่อ้างพยาน หรือเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ทราบว่าเรามาถึงศาลแล้ว
4. ก่อนจะเบิกความ จะต้องปฎิญาณตนหรือสาบานตนตามลัทธิศาสนาของตน หากขัดขืนคำสั่งศาล ที่ให้สาบานหรือปฎิญาณตน ให้ถ้อยคำหรือคำเบิกความ จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 171 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้เว้นแต่
4.1 บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี หรือหย่อนความรู้สึกผิดชอบ
4.2 ภิกษุและสามเณรในพระพุทธศาสนา
4.3 บุคคลที่คู่ความทั้งสองตกลงกันว่าไม่ต้องปฎิญาณหรือสาบานตน
5. การเบิกความ ต้องเบิกความตามที่ตนได้รู้ ได้เห็น หรือได้ยินมา โดยวิธีตอบคำถามของศาลหรือคู่ความ ห้ามอ่านข้อความที่จดหรือเขียนมา เว้นแต่จะได้ัรับอนุญาตจากศาลหรือเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การเบิกความเท็จ มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตา 177 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ค่าตอบแทนการเป็นพยาน 
ในกรณีที่พยานมีที่พักอาศัยอยู่ ในเขตจังหวัด ที่มาให้ข้อเท็จจริงยังที่ทำการพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนหรือสอบสวนคดีอาญา พนักงานผู้มีอำนาจฟ้องคดีอาญา หรือศาล จะได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 200 บาท
ในกรณีที่พยานมีที่พักอาศัยอยู่ นอกเขตจังหวัด ที่เดินทางมาให้ข้อเท็จจริงยังที่ทำการของพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนหรือสอบสวนคดีอาญา พนักงานผู้มีอำนาจฟ้องคดีอาญา หรือศาล จะได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 500 บาท



"สำนักกฎหมายนิติอรรถคดี"